องค์กรสิทธิมนุษยชน และสำนักข่าวท้องถิ่นร่วมกันเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายอับดุลอาฟิร เซ็ง ผู้สื่อข่าวอาสาสมัคร ของสำนักข่าววาร์ตานี (Wartani) ซึ่งถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา โดยไม่แจ้งข้อหา แต่ระบุว่า นายอับดุลอาฟิรทำสื่อโจมตีรัฐ และบิดเบือนข้อมูล
“ขอเรียกร้องให้มีปล่อยตัวนายอับดุลอาฟิร อย่างไม่มีเงื่อนไข และชี้แจงการปิดล้อมตรวจค้นและจับกุม นายอับดุลอาฟิร อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นนักกิจกรรม และอาสาสมัครนักข่าวให้กับสำนักสื่อวาร์ตานีนั้น เป็นหรือไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎอัยการศึก และยังต้องปฏิบัติภายใต้ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายต่อสาธารณะ” จดหมายเปิดผนึก ระบุ
องค์กรที่ร่วมลงชื่อในจดหมายดังกล่าว ประกอบด้วยวาร์ตานี, คณะกรรมการนิสิตคณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สมาคมด้วยใจเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม, ลานเน่อ, ประชาไท, เดอะ อีสานเรคคอร์ด และเดอะ รีพอร์ตเตอร์
“การที่สื่อถูกควบคุมตัวไม่เพียงแต่เป็นการทำลายหลักการของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความโปร่งใส การตรวจสอบการกระทำของรัฐบาลในการให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง” แถลงการณ์ร่วมขององค์กรสื่อ และสิทธิมนุษยชน ระบุ
แถลงการณ์มีข้อเรียกร้องถึง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ให้ 1. ชี้แจงการบังคับใช้กฎหมายต่อกรณีการควบคุมตัวนายอับดุลอาฟิร เซ็ง 2. ยุติการกดดันหรือการคุกคามสื่อมวลชน และ 3. รับประกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการสื่อสารที่ปลอดภัย
ขณะที่ น.ส. พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ก็เรียกร้องให้ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ปล่อยตัวนายอับดุลอาฟิร เพื่อไม่ให้กระทบต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้
“กอ.รมน. ต้องปล่อยตัวเขาโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะแม้ว่า กอ.รมน. จะใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษ แต่ก็ถือว่าละเมิดกฎหมายอื่นอยู่ รัฐบาลไม่ควรใช้กฎหมายพิเศษเพื่อเอื้อประโยชน์ด้านความมั่นคง โดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพ” น.ส. พรเพ็ญ กล่าวกับเบนาร์นิวส์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
[ วันนักข่าว : 20 ปี ประชาไทในฐานะสื่อที่รัฐรังเกียจOpens in new window ]
[ ไทยพีบีเอส-สมาคมนักข่าวฯ ร้องสภาสอบ ประวิตร กรณีตบหัวนักข่าวOpens in new window ]
[ วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก : นักข่าวไทยยังถูกปิดปาก และต้องการเสรีภาพOpens in new window ]
นายอับดุลอาฟิร เป็นผู้สื่อข่าวอาสาสมัครของวาร์ตานี รวมถึงพิธีกรในเวทีเสวนา และกิจกรรมการเมืองต่าง ๆ ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวจากบ้านพักในพื้นที่ ม.5 ต.ท่าเรือ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 11 ก.พ. 2568 และถูกนำตัวไปที่ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในวันเดียวกัน
“วาร์ตานีเป็นสื่อท้องถิ่นในพื้นที่เพียงแห่งเดียวที่พยายามเชื่อมเสียงของชาวบ้านกับคนภายนอก ในขณะที่สื่อท้องถิ่นอื่น ๆ แทบไม่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้เลย ซึ่งการทำแบบนี้ช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมกระบวนการสันติภาพชายแดนภาคใต้ การปิดกั้นเสรีภาพเช่นนี้จึงทำให้คนในพื้นที่ไม่สามารถสื่อสารถึงคนส่วนกลาง และอาจกระทบต่อกระบวนการสันติภาพได้” น.ส. พรเพ็ญ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า อ้างว่า เชิญตัวนายอับดุลอาฟิรไปเพื่อให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์
“เชิญตัว อาสาสมัครนักข่าวสื่อในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์ประกอบเรื่องที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ทุกกระบวนการ ทุกขั้นตอนในการปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย อย่างโปร่งใส ยุติธรรม สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน” กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุผ่านเฟซบุ๊กเพจ
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน เปิดเผยหลังรับข้อร้องเรียนเรื่องดังกล่าวจาก นายรุสลาน มูซอ บรรณาธิการบริหารสำนักข่าววาร์ตานีว่า รัฐบาลควรทบทวนการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ชายแดนใต้
“ไม่ต้องการเห็นการใช้อำนาจพิเศษของรัฐเพื่อกดทับเสรีภาพของสื่อมวลชน และต้องการให้มีความโปร่งใสในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะเมื่อ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า อ้างว่าการควบคุมตัวครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส เนื่องจากนายอับดุลอาฟิรมีการทำเพจที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐ หากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลต้องสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างตรงไปตรงมา” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ปัจจุบัน พื้นที่ชายแดนภาคใต้อยู่ภายใต้การบังคับใช้ พ.ร.บ. กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ) ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวบุคคลโดยไม่ต้องมีหมายจับภายใน 7 วัน ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนเคยเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้กฎหมายพิเศษเหล่านี้เช่นกัน
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา มีนักกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างน้อย 40 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีอาญา ขณะเดียวกันในบางคดี ผู้ฟ้องคือ พล.ท. ศานติ ศกุนตนาค อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 เอง